เวลาปัจจุบัน
จำนวนผู้เข้าชมปฏิทิน |
การบวชพระภิกษุในปัจจุบันมีอยู่ 2 แบบด้วยกันคือ แบบอุกาสะ และแบบเอสาหัง โดยคำว่า "อุกาสะ" แปลว่า ขอโอกาส ส่วนคำว่า ในประเทศไทยนั้น การบวชแบบอุกาสะจะใช้กันในคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ซึ่งเป็นแบบเดิมที่ใช้กันมาแต่โบราณกาล ส่วนการบวชแบบ 4.1) การกำหนดฤกษ์ยาม ก่อนจะทำการบวชจะต้องหาฤกษ์ยามอันเป็นมงคลหรือหากำหนดการที่แน่นอนลงไป โดยบิดามารดาต้องนำบุตรชายที่จะบวช ไปพบกับพระอุปัชฌาย์หรือท่านเจ้าอาวาส เพื่อให้ท่านตรวจวันเดือนปี เมื่อเห็นว่า มีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงดูฤกษ์ยามกำหนดวันบวชให้ ในการไปหาพระอุปัชฌาย์นั้น ต้องนำดอกไม้ ธูป เทียน เครื่องสักการะ ไปด้วย 4.2) การลาญาติผู้ใหญ่ หรือผู้ที่เคารพนับถือ เป็นเรื่องที่ผู้จะบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์พึงกระทำ วิธีปฏิบัติคือ ให้เตรียมกระทงดอกไม้มีกรวยครอบ พร้อมธูปเทียนแพวางลงบนพาน เมื่อไปถึงผู้ที่จะรับการลา ก็เข้าไปกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ 3 ครั้ง เปิดกรวยกระทงดอกไม้ แล้วยกขึ้นประคองต่อหน้าผู้ที่จะรับการลา พร้อมกับกล่าวคำขอขมาว่า "กรรมใดที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินต่อท่าน ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งที่รู้และไม่รู้ เพื่อความบริสุทธิ์แห่งเพศพรหมจรรย์ ขอท่านโปรดอโหสิกรรมนั้น แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ" ญาติผู้ใหญ่จะเอื้อมมือมาแตะพาน แล้วกล่าวว่า "สาธุ ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้เธอทุกอย่าง และขอให้เธอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้าขออนุโมทนาต่อท่านที่ได้บวชในพระพุทธศาสนา ทดแทนคุณบิดามารดา และจงเป็นศาสนทายาท สืบต่อพระพุทธศาสนาด้วยดีในเพศพรหมจรรย์เทอญ" เมื่อจบแล้ว นาคจึงเอาพานวางลงที่พื้น กราบเบญจางคประดิษฐ์อีก 3 ครั้ง แล้วนั่งพับเพียบ เมื่อสนทนาพอสมควรแก่เวลาแล้ว จึงบอกลาท่าน ท่านจะมอบพานดอกไม้ เทียนแพคืนให้ เพื่อจะได้นำไปใช้ลาท่านผู้อื่นต่อไป ขั้นตอนการลาญาติผู้ใหญ่ หรือผู้ที่เคารพนับถือจะแสดงดังภาพที่ 4-1
4.3) การปลงผม ถ้าในงานบวชนาคนั้นมีพิธีทำขวัญนาคด้วย ก็จะปลงผมก่อนวันบวช 1 วัน แล้วนุ่งขาวห่มขาวเข้าพิธีทำขวัญนาค ถ้าไม่มีการทำขวัญนาคก็จะปลงผมในวันบวช โดยพ่อแม่ และญาติผู้ใหญ่ หรือพระภิกษุสงฆ์ที่คุ้นเคยเป็นผู้ขลิบปลายผมให้ก่อนเป็นพิธี ต่อจากนั้นก็ให้ผู้ที่โกนผมเป็นผู้โกนผม หนวด เครา คิ้ว ให้หมดจด อาบน้ำ นุ่งขาวห่มขาว เตรียมเข้าโบสถ์เพื่อทำพิธีบรรพชาอุปสมบทต่อไป ขั้นตอนการโกนผมนาค เริ่มโดยพ่อแม่ และญาติผู้ใหญ่ หรือผู้ที่มาร่วมงานบวชในครั้งนี้ ทำการขลิบผมให้นาคเป็นปฐมฤกษ์ จากนั้น
4.4) การแต่งกายของนาค การแต่งกายของนาคนั้น ควรแต่งด้วยชุดขาวทั้งหมด ซึ่งจะบ่งบอกถึงความบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา ใจ ของผู้ที่จะบวช ไม่ควรมีเครื่องประดับประดามากจนเกินไป โดยเครื่องแต่งตัวนาคประกอบด้วย 4.4.1) เสื้อเชี้ตแขนยาวสีขาว 4.4.2) สบงขาว 4.4.3) อังสะขาว 4.4.4) เข็มขัด หรือสายรัดสำหรับรัดสบง เข็มขัดใช้สำหรับรัดสบงขาว ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมใช้เข็มขัดนาค ในกรณีที่ไม่มีเข็มขัดนาค จะใช้เข็มขัดอย่างอื่นหรือสายรัดแทนก็ได้ ไม่ใช่ข้อกำหนดตายตัว แต่การใช้เข็มขัดนาคเป็นการปฏิบัติตามประเพณีการบวชพระที่นิยม เพื่อให้สอดคล้องกับคำว่า "นาค" ซึ่งเป็นชื่อเรียกของผู้ที่จะบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา 4.4.5) เสื้อคลุมนาค 4.4.6) สร้อยคอ หากมีสร้อยคอจะสวมให้นาคก็ได้ หรือไม่สวมก็ได้ การแต่งกายของนาคที่ถูกต้อง จะแสดงดังภาพที่ 4-4
4.5) การทำขวัญนาค เมื่อลูกชายบ้านไหนถึงเกณฑ์จะบวชพระแล้ว ผู้หลักผู้ใหญ่ก็จะจัดการให้ผู้บวชนำดอกไม้ธูปเทียนแพใส่พาน ไปบอกกล่าววงศาคณาญาติที่นับถือ เรียกกันว่า “ลาบวช” จากนั้นจึงมีการสมโภช หรือที่เรียกว่า “ทำขวัญนาค” ก่อนวันบวช 1 วัน แต่สมัยนี้มักทำขวัญนาคในช่วงเช้า แล้วทำพิธีบวชในตอนบ่ายเลย ในวันทำขวัญนาคนั้น “เจ้านาค” ซึ่งโกนหัว โกนคิ้ว โกนหนวด ตัดเล็บเรียบร้อยแล้วจึงนุ่งห่มด้วยเครื่องแต่งกายที่งดงาม ใส่เสื้อครุยปักทอง สไบเฉียงทางไหล่ซ้าย คาดเข็มขัดหัวเพชร ใส่แหวนทั้ง 8 นิ้ว หรือแล้วแต่จะมีใส่ จากนั้นไปนั่งหน้าบายศรี หมอทำขวัญนาคก็จะอ่าน เมื่ออ่านบททำขวัญนาคจบแล้ว พราหมณ์ก็ตั้งต้นทำพิธีสมโภช ด้วยน้ำสังข์จุณเจิม และเวียนเทียนประโคม ด้วยดุริยดนตรี เป็นที่พรักพร้อมในระหว่างวงศาคณาญาติ และเพื่อนฝูงทั้งหลาย วันรุ่งขึ้นจึงเข้าพิธีอุปสมบท มีการแห่เจ้านาคไปสู่วัดอย่างสนุกสนานครึกครื้น
4.6) การนำนาคเข้าโบสถ์ ตามประเพณีนิยม มักปลงผม และทำขวัญนาคที่บ้านของเจ้านาค วันรุ่งขึ้นจึงมีขบวนแห่ไปยังวัด แล้วแห่นาคไปยังโบสถ์ เวียนโบสถ์สามรอบแบบทักษิณาวรรต พร้อมด้วยเครื่องอัฏฐบริขาร ที่ใช้ในการบวช และของที่ถวายพระ เมื่อครบแล้วจะให้นาคมาวันทาสีมา การวันทาสีมา นาคจะจุดธูปเทียนที่เสมาหน้าโบสถ์ แล้วนั่งคุกเข่าประนมมือกล่าวคำวันทาสีมา แล้วกราบ ปักดอกไม้ธูปเทียน ณ ที่จัดไว้ เมื่อวันทาสีมาเสร็จแล้ว นำนาคมาที่หน้าโบสถ์ นาคจะโปรยทาน เมื่อโปรยทานเสร็จแล้ว จึงจูงนาคเข้าโบสถ์ โดยบิดาจูงมือข้างขวา มารดาจูงมือข้างซ้าย พวกญาติคอยจับชายผ้าขาวตามส่งข้างหลัง นาคต้องก้าวข้ามธรณีประตู ห้ามเหยียบเป็นอันขาด เมื่อพ้นประตูไปแล้วให้เดินตรงไปที่พระประธาน ไหว้พระประธาน โดยใช้ดอกไม้ธูปเทียนอีกหนึ่งกำ นำไปจุดธูปเทียนบูชาพระประธาน ใช้คำบูชาพระเหมือนคำวันทาสีมาข้างต้น แล้วกลับมานั่ง ณ ที่ซึ่งจัดไว้แถวผนังด้านหน้าของโบสถ์ ขั้นตอนการนำนาคเข้าโบสถ์จะแสดงดังภาพที่ 4-6
4.7) พิธีบรรพชาอุปสมบท เมื่อถึงกำหนดพิธี พระสงฆ์ที่ได้รับอาราธนาในพิธีบวชมี พระอุปัชฌาย์ พระคู่สวด และพระอันดับ จะเข้าอุโบสถ นั่งตามแผนผังที่คณะสงฆ์กำหนด พิธีบรรพชาอุปสมบทจะเริ่มโดยพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือญาติผู้ใหญ่เข้ามานั่งข้างหน้านาค เพื่อจะมอบผ้าไตรให้นาคเข้าทำพิธีบวชต่อพระสงฆ์ต่อไป ซึ่งปฏิบัติเช่นเดียวกับวิธีซ้อมขานนาค เมื่อพระอุปัชฌาย์บอกอนุศาสน์เสร็จแล้ว เจ้าภาพ ญาติมิตรจะถวายของพระอันดับ พระใหม่ถวายพระอาจารย์คู่สวดอีกหนึ่งรูปที่ยังมิได้ถวาย ต่อจากนั้นพระอุปัชฌาย์จะบอกให้พระใหม่มานั่งรับประเคนของบริวารบวชที่ด้านหน้า พระใหม่จะออกมานั่งพับเพียบอยู่ท้ายอาสนสงฆ์ ทอดผ้ากราบไว้ข้างหน้า หากผู้ชายประเคนก็รับของด้วยมือ หากเป็นผู้หญิงก็จับผ้ากราบไว้ โยมผู้หญิงจะวางบนผ้ากราบ เมื่อรับของประเคนหมดแล้ว ให้กลับนั่งหันหน้ามาทางพระสงฆ์ เตรียมกรวดน้ำ ขั้นตอนพิธีบรรพชาอุปสมบทจะแสดงดังภาพที่ 4-7
4.8) การกรวดน้ำ เมื่อเสร็จการรับประเคนแล้ว พระใหม่ และพ่อแม่หรือผู้ปกครอง หรือเจ้าภาพในการบวชครั้งนี้ จะกรวดน้ำโดยใช้เต้ากรวดน้ำคนละที่ เมื่อพระอุปัชฌาย์ซึ่งเป็นประธานสงฆ์ในที่นั้น เริ่มบทอนุโมทนาว่า ยถา วารีวหา ปูร .... พระใหม่และญาติที่เป็นเจ้าภาพก็จะกรวดน้ำพร้อมกัน เมื่อขึ้นบท สพฺพีติโย .... ก็กรวดน้ำหมดเต้าพอดี นั่งพนมมือรับพรจากพระสงฆ์ เสร็จแล้วพระใหม่กราบเบญจางคประดิษฐ์ 3 ครั้ง เป็นอันเสร็จพิธีการบวช หลังจากนั้นพระพี่เลี้ยงจะนำพระใหม่ขึ้นจากโบสถ์ พระใหม่ควรสะพายบาตรด้วยไหล่ขวา มือซ้ายถือพัด ส่วนของอื่นให้ผู้อื่นถือไป พระพี่เลี้ยงจะนำพระใหม่ออกทางประตูหน้า ขั้นตอนการกรวดน้ำจะแสดงดังภาพที่ 4-8
1) นฤดี น้อยศิริ. 2558. คู่มือการบวช. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : www.ayu-culture.go.th/newweb/images/knowledge/
|
|