เวลาปัจจุบัน
จำนวนผู้เข้าชมปฏิทิน |
ในศาสนาพุทธ คำว่า "สังคายนา" หมายถึง การประชุมตรวจชำระ สอบทาน และจัดหมวดหมู่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า วางลงเป็นแบบแผนอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยคำว่า "สังคายนา" หมายถึง สวดพร้อมกัน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "สังคีติ" โดยคำว่า "คีติ" แปลว่า การสวด สํ แปลว่า พร้อมกัน คำนี้มีมูลเหตุมาจากวิธีการสังคายนาพระธรรมวินัยที่เรียกว่า วิธีการร้อยกรอง หรือรวบรวมพระธรรมวินัย หรือประมวลคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า มีวิธีการคือ นำเอาคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงจำไว้มาแสดงในที่ประชุมพระสงฆ์ จากนั้นให้มีการซักถามกัน จนกระทั่งที่ประชุมลงมติว่าเป็นอย่างนั้นแน่นอน เมื่อได้มติร่วมกันแล้วในเรื่องใด ก็ให้สวดขึ้นพร้อมกัน การสวดพร้อมกันแสดงถึงการลงมติร่วมกันเป็นเอกฉันท์ และเป็นการทรงจำกันไว้เป็นแบบแผนต่อไป 3.1) จุดประสงค์ของการทำสังคายนา จุดประสงค์ของการทำสังคายนาในพระพุทธศาสนา คือ การรวบรวมพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า เพื่อธำรงรักษาพระธรรมวินัย 3.2) การปฐมสังคายนา
พระมหากัสสปเถระได้ทราบข่าวการปรินิพพานของพระพุทธเจ้า เมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้วได้ 7 วัน ขณะที่ท่านกำลังเดินทางอยู่ ณ เมืองปาวา พร้อมด้วยหมู่ศิษย์จำนวนมาก เมื่อได้ทราบข่าวนั้น เหล่าศิษย์ของพระมหากัสสปะซึ่งยังเป็นปุถุชนอยู่ได้ร้องไห้คร่ำครวญกัน ณ การทำสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ 1 จึงได้จัดขึ้นที่ถ้ำสัตบรรณคูหา เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ตามคำปรารภของ 3.3) การสังคายนาครั้งที่ 2
การทำสังคายนาครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 100 ที่วาลิการาม เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ประเทศอินเดีย โดยมีพระยสกากัณฑกบุตร เป็นผู้ชักชวนพระเถระผู้ใหญ่ที่เข้าร่วมในการทำสังคายนาครั้งนี้ได้แก่ พระสัพพกามี พระสาฬหะ พระขุชชโสภิตะ พระวาสภคามิกะ (พระเถระทั้ง 4 รูปนี้เป็นชาวปาจีนกะ) พระเรวตะ พระสัมภูตะสาณวสี พระยสะกากัณฑกบุตร และพระสุมนะ (พระเถระทั้ง 4 รูปนี้เป็นชาวปาฐา) โดย การทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้น โดยพระยสกากัณฑกบุตร พบเห็นข้อปฏิบัติย่อหย่อน 10 ประการทางพระวินัยของภิกษุวัชชีบุตร เช่น ควรเก็บเกลือไว้ในเขาสัตว์เพื่อรับประทานได้ ควรฉันอาหารในยามวิกาลได้ ควรรับเงินทองได้ เป็นต้น พระยสะกากัณฑกบุตรจึงชวนพระเถระต่างๆ ให้ช่วยกันวินิจฉัย แก้ความถือผิดในครั้งนี้ โดยรายละเอียดของการปฐมสังคายนาและการสังคายนาครั้งที่ 2 นี้มีกล่าวถึงในพระวินัยปิฎกจุลวรรค แม้ในวินัยปิฎกจะไม่กล่าวถึงคำว่า พระไตรปิฎก ในการปฐมสังคายนาและการสังคายนาครั้งที่ 2 เลย แต่ในสมันตัปปาสาทิกา ซึ่งเป็นอรรถกถาอธิบายวินัยปิฎกนั้นบอกว่า การจัดหมวดหมู่คำสอนของพระพุทธศาสนาให้เป็นรูปเป็นร่างอย่างพระไตรปิฎกนั้น มีมาตั้งแต่ครั้งปฐมสังคายนาแล้ว 3.4) การสังคายนาครั้งที่ 3
การทำสังคายนาครั้งที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 234 ที่อโศการาม กรุงปาฏลีบุตร แคว้นมคธ ประเทศอินเดีย โดยมี การทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อพวกเดียรถีย์ หรือนักบวชศาสนาอื่นมาปลอมบวช แล้วแสดงลัทธิศาสนาและความเห็นของตนว่าเป็นพระพุทธศาสนา พระโมคคลีบุตรติสสะเถระจึงได้ขอความอุปถัมภ์จากพระเจ้าอโศกมหาราช ในการสังคายนาพระธรรมวินัย เพื่อกำจัด ในการทำสังคายนาครั้งนี้ พระโมคคลีบุตรติสสะเถระ ได้แต่งคัมภีร์กถาวัตถุ ซึ่งเป็นคัมภีร์หนึ่งในพระอภิธรรมไว้ด้วย และเมื่อทำสังคายนาเสร็จแล้ว ก็มีการส่งคณะฑูตไปประกาศพระพุทธศาสนาในประเทศต่างๆ มีดังนี้ 3.4.1) พระมหินถเทระ โอรสของพระเจ้าอโศกมหาราช นำพระพุทธศาสนาไปประดิษฐานในลังกา 3.4.2) พระโสณเถระและพระอุตตรเถระ อัครสาวกของพระเวสสภูพุทธเจ้า นำพระพุทธศาสนามาเผยแผ่ในดินแดนสุวรรณภูมิ 3.5) การทำสังคายนาครั้งที่ 4 การทำสังคายนาครั้งที่ 4 เกิดขึ้นที่ชาลันธร หรือบางหลักฐานคือกัชมีร์ ประเทศอินเดีย ในรัชสมัยของพระเจ้ากนิษกะ แต่เป็นการสังคายนาของนิกายมหายาน ฝ่ายเถรวาทจึงไม่ยอมรับว่าเป็นการสังคายนา 3.6) การทำสังคายนาครั้งที่ 5 การทำสังคายนาครั้งที่ 5 เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 460 ที่อาโลกเลณสถาน มตเลชนบท ประเทศศรีลังกา โดยมีพระรักขิตมหาเถระ 3.7) ปัญหาการนับครั้งการสังคายนา การนับครั้งการสังคายนามีความแตกต่างกันในพระพุทธสานาฝ่ายเถรวาทกับพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน นอกจากนี้ แม้ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทก็ยังนับครั้งการสังคายนาไม่ตรงกัน ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้ 3.7.1) ประเทศศรีลังกา นับการสังคายนา 3 ครั้งแรกที่ประเทศอินเดีย และการสังคายนาที่ประเทศตนเองอีก 3 ครั้ง โดยการสังคายนาครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2408 โดยการสังคายนาครั้งนี้เป็นที่รู้กันเฉพาะในประเทศศรีลังกาเท่านั้น 3.7.2) ประเทศเมียนมา นับการสังคายนา 3 ครั้งแรกที่ประเทศอินเดีย และนับการสังคายนาครั้งที่ 2 ที่ประเทศศรีลังกาเป็นครั้งที่ 4 และนับการสังคายนาที่ประเทศตนเองอีก 2 ครั้ง โดยการสังคายนาครั้งสุดท้ายมีชื่อเรียกว่า ฉัฏฐสังคายนา เริ่มกระทำเมื่อ 3.7.3) ประเทศไทย นับการสังคายนา 3 ครั้งแรกที่ประเทศอินเดีย และครั้งที่ 1-2 ที่ประเทศศรีลังกา แต่ในหนังสือสังคีติยวงศ์ หรือประวัติแห่งการสังคายนาของสมเด็จพระวันรัต ได้นับเพิ่มอีก 4 ครั้ง คือ 3.7.3.1) การสังคายนาครั้งที่ 6 เมื่อปี พ.ศ. 956 ในประเทศศรีลังกา โดยพระพุทธโฆสะ ได้แปลและเรียบเรียงอรรถกถา ซึ่งถือว่าเป็นการชำระอรรถกถา ไม่ใช่พระไตรปิฎก ทางประเทศศรีลังกาจึงไม่นับเป็นการสังคายนา 3.7.3.2) การสังคายนาครั้งที่ 7 เมื่อปี พ.ศ. 1587 ในประเทศศรีลังกา โดยพระกัสสปเถระเป็นประธานรจนาอรรถกถาต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นการชำระอรรถกถา ไม่ใช่พระไตรปิฎก ทางประเทศศรีลังกาจึงไม่นับเป็นการสังคายนา 3.7.3.3) การสังคายนาครั้งที่ 8 เมื่อปี พ.ศ. 2020 ในประเทศไทย โดยการอุปถัมภ์ของพระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนา 3.7.3.4) การสังคายนาครั้งที่ 9 เมื่อปี พ.ศ. 2231 ในประเทศไทย โดยการอุปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 1) วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. 2558. สังคายนาในศาสนาพุทธ. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/สังคายนาในศาสนาพุทธ. 28 ธันวาคม 2558 กลับไปยังหน้า "พระไตรปิฎก" >>>
|
|